ปริมาณการซื้อขาย VOLUME (VOL)

VOLUME คือ ปริมาณการซื้อขายของหุ้น โดยความสัมพันธ์ระหว่างราคากับปริมาณการซื้อขาย มีข้อสังเกตดังนี้ : ความสัมพันธ์ในแง่บวก 1. เมื่อราค...

วันอาทิตย์ที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2560

รูปแบบช่องว่าง (GAP)

เกิดขึ้นเมื่อมีการซื้อหรือขายหุ้นโดยเกิดช่องว่างระหว่างราคาในลักษณะที่มีการกระโดดขึ้นหรือลง โดยในช่วงแนวโน้มขาขึ้น (UPTREND) ช่องว่างจะเกิดขึ้นถ้าราคาต่ำสุดของวันปัจจุบันสูงกว่าราคาสูงสุด ของ เมื่อวานในทางตรงกันข้าม ช่วงแนวโน้มขาลง (DOWNTREND) จะเกิดเมื่อราคาสูงสุดของวันปัจจุบันต่ำกว่าราคาต่ำสุดของวันก่อนหน้า โดยรูปแบ่งช่องว่าง แบ่งเป็น

COMMON GAP


เกิดขึ้นในหุ้นที่ซื้อขายกันน้อยหรือขาดสภาพคล่อง ช่องว่างชนิดนี้ไม่มีความสำคัญ เพราะไม่สามารถบอกทิศทางของราคาหุ้น

BREAKAWAY GAP


เกิดขึ้นเมื่อราคาหุ้นทะลุออกจากรูปแบบที่ก่อตัวมาครั้งก่อน เช่น การทะลุผ่านเส้นคอของรูปแบบ HEAD & SHOULDERS โดยรูปแบบ BREAKAWAY GAP นี้เป็นการเริ่มต้นวิ่งของแนวโน้มใหม่ และควรจะเกิดพร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่สูง

CONTINUATION/RUNAWAY GAP


เมื่อราคาวิ่งมาระดับหนึ่ง (โดยส่วนใหญ่จะประมาณครึ่งทางของแนวโน้มทั้งหมด) แล้วเกิดการกระโดดห่างออกจนเป็นช่องว่างจากราคาเดิม โดยมีปริมารการซื้อขายปานกลาง จะเรียกว่า CONTINUATION GAP ดังนั้น เมื่อเห็น GAP ชนิดนี้เกิดขึ้น เราอาจสันนิษฐานได้ว่าหลังจากนั้นราคาจะสามารถวิ่งต่อไปได้อีกเท่ากับระยะทางที่วิ่งมาแล้ว

EXHAUSTION GAP


เป็นการกระโดยขึ้นหรือลงของราคาครั้งสุดท้าย หลังจากนั้น ราคาหุ้นเริ่มปรับตัวลงหรือขึ้นจนมีระดับต่ำกว่าหรือสูงกว่า GAP ครั้งก่อน (เป็นการปิด GAP) โดยปริมาณการซื้อขายหุ้นจะมีเข้ามาสูงมาก และอาจเกิดรูปแบบคล้ายคลึงกับเกาะ (ISLAND) โดยการปิด GAP นี้นั้นจะเกิด GAP ใหม่ขึ้นมา หลังจากนั้นราคาจะเปลี่ยนแนวโน้มไปจากเดิมอย่างรวดเร็ว ซึ่ง GAP ชนิดนี้หากเกิดภายหลังจาก BREAKAWAY GAP และ CONTINUTION GAP จะช่วยให้การวิเคราะห์น่าเชื่อถือยิ่งขึ้น

*หมายเหตุ การจ่ายปันผล (XD) และการให้สิทธิผู้ถือหุ้นในการจองซื้อหุ้นเพิ่มทุน (XR) ที่อาจก่อให้เกิด GAP จะไม่นำมาใช้ประโยชน์ในการวิเคราะห์แนวโน้ม



รูปแบบของราคาที่บอกถึงการเปลี่ยนทิศทางใหม่ ที่เกี่ยวข้อง



>